สำนักพิมพ์มอเตอร์ไซค์สีแดง
เสือ ในเมือง ด่าหลัต (DA LAT)
18 ตุลาคม 2018
สำนักพิมพ์มอเตอร์ไซค์สีแดง
เสือ ในเมือง ด่าหลัต (DA LAT)
18 ตุลาคม 2018
วันนี้ เป็นวันที่หกของการเดินทางมากับทัวร์ ที่ประกอบไปด้วยรถยนต์สามคัน และ มอเตอร์ไซด์สิบสี่คัน เรามุ่งหน้าจากหมุยเน่สู่เมืองด่าหลัต ระยะทางเพียงประมาณร้อยห้าสิบกิโลเมตร เส้นทางต้องขี่ผ่านถนน มีชื่อว่า QL28B
ถนนนี้เป็นถนนสายเล็กๆ ป่าไม้เต็มทึบ ไม่มีเขาหัวโล้นให้เห็น อาจเป็นเพราะส่วนหนึ่งของถนน พาดผ่านเขตอนุรักษ์ธรรมชาติของเวียดนาม มีนกมากมายหลายพันธุ์ในเขตอนุรักษ์ธรรมชาตินี้ซึ่งมีชื่อว่า Kalon Song Mao Nature Reserve และแน่นอนขาดไม่ได้...ร้านขายรองเท้า....ไม่ใช่ร้านขายรองเท้าธรรมดา แต่เป็นร้านขายรองเท้าแบบไดรฟ์ทรู
อันที่จริงนี่ก็เป็นวันที่หกแล้วที่ขี่มอเตอร์ไซด์อยู่ในประเทศเวียดนาม อะไรๆ ก็เจอมาหมดแล้วกับมอเตอร์ไซค์ มอเตอร์ไซค์ขนกล้วยขนาดรถกระบะยังอาย มอเตอร์ไซค์ขนท่อระบายน้ำคอนกรีต มอเตอร์ไซค์ขนท่อยาวหกเมตร มอเตอร์ไซค์ขนปูน มอเตอร์ไซค์ขนสุขภัณฑ์มอเตอร์ไซค์ขนทุกอย่างที่รถกระบะขนกันในประเทศไทย ยาวที่สุดที่เคยเห็น กว้างที่สุดที่เป็นไปได้ หนักที่สุดที่เคยประสบ
แต่ก็มาเจอ มอเตอร์ไซค์ร้านขายรองเท้าแบบไดร์ฟทรู นี่เป็นสิ่งใหม่ของวันที่หกในการเดินทาง
ระหว่างทางเราเห็นท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ยักษ์ พาดผ่านลงมาจากบนภูเขาสูง ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นท่อส่งน้ำเพื่อปั่นกังหันผลิตไฟฟ้า มันใหญ่ยักษ์ถึงขนาดเห็นได้อย่างชัดเจนในกูเกิลแมป
เราเดินทางกัน เพื่อจะไปแวะที่ร้านกาแฟที่ นัย เจ้าของฟอร์ซ่าสามร้อย กับฝีมือระดับเทพในการค้นหาร้านกาแฟ แล้วก็ไม่ผิดหวังเหมือนเช่นเคย
ร้านกาแฟวิวระดับเทพ
เราพยายามจะสื่อสารกับเจ้าของร้านวัยรุ่นสาวสวย เพื่อจะ สั่งอาหารเช้าและกาแฟ การสั่งกาแฟนั้นใช้เวลาไม่กี่วินาที แต่การทำความเข้าใจว่า อาหารเช้าที่มีคืออะไรนั้น ใช้เวลาหลายนาที แต่ในที่สุดก็ประสบความสำเร็จ...มันคือมาม่าใส่ไข่...สั่งมาสองที่สำหรับนัยและพี่เอ ส่วนผมขอกินกล้วยกับกาแฟนั่งชมวิว
แล้วเราก็เดินทางกันต่อ โดยเลี้ยวเข้าไปแวะที่น้ำตกที่สวยงามแห่งหนึ่ง แล้วก็ไปที่ปั๊มน้ำมันเป็นจุด check point ที่กำหนดโดยทัวร์ ปั๊มน้ำมันนี้มีความไม่ธรรมดานั่นคือ มีร้านกาแฟ ร้านกาแฟที่มีดูคาตี้จอดโชว์ความงดงามอยู่ในร้าน
ไม่ใช่ดูคาตี้เพียงคันเดียว แต่เป็นดูคาตี้ถึงสองคัน
เป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมากที่ ดูคาติสแครมเบลอ ได้มาเจอพ่อหรือปู่ของมันที่นี่ เจ้าดูคาตี้สีเหลืองก็เลยถูกเข็นเข้าไปจอดในร้านแล้วก็ถ่ายรูปร่วมกันซะเลย มันก็อยากจะเซลฟี่กับญาติๆของมันตามวัฒนธรรมยุคนี้
ดูคาตี้สามคันนี้มีความเหมือนกันอยู่อย่างน้อยสองประการ
หนึ่งเครื่องยนต์ แอล ทวิน ระบายความร้อนด้วยอากาศ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะอย่างหนึ่งของดูคาตี้ และ
สองมันถูกออกแบบในอิตาลี...มันมีความงดงามท้าทายสายตาทุกผู้คน มันมีดีไซน์...
เสร็จจากร้านกาแฟเราก็มุ่งหน้าสู่ทางด่วนที่ห้ามมอเตอร์ไซด์เข้า แต่ด้วยเหตุผลบางประการเราก็เข้าไปวิ่ง เป็นถนนขนาดสี่เลนเรียบกริบ มุ่งหน้าสู่ด่าหลัต ใช้เวลาเพียงไม่นานเราก็ลงจากทางด่วน ไต่เขาขึ้นสู่เมือง และถึงเมืองด่าหลัตในช่วงบ่ายต้นๆเราพักผ่อนกันที่โรงแรม สักพัก ผมกับนัย ก็นัดกันเพื่อขี่ชมเมือง
เมืองมีเสน่ห์ทีเดียว บ้านและตึกไล่เรียงไปตามความสูงต่ำของสภาพภูมิประเทศซึ่งเป็นภูเขา และเพราะอยู่ในภูเขา ถนนในเมืองก็ประกอบด้วยโค้งขึ้นลงลัดเลาะไป โค้งได้สัดส่วนสวยงามชวนมอง รายล้อมไปด้วยสถาปัตยกรรมผสมกันระหว่างเวียดนามกับฝรั่งเศส มีซอยเล็กๆที่เข้าไปได้เฉพาะสองล้อกับสองเท้า อากาศเย็นสบาย และทางแยกต่างๆก็เต็มไปด้วยวงเวียน
นัยเป็นคนชอบเที่ยววัด ก็ชวนไปเที่ยววัด วัดมีเจดีย์ ที่ชื่อว่า Linh Phuoc สร้างขึ้นจากเศษแก้วและเศษเครื่องปั้นดินเผา เริ่มสร้างในปี 1949 แล้วเสร็จในปี 1952 มีความสวยงามแปลกตา และงามอย่างน่าสนใจเมื่ออยู่คู่กับเจ้าดูคาตี้สีเหลืองสด จากนั้นเราก็ แน่นอน...
ไปหากาแฟท้องถิ่นดื่มกัน
ร้านกาแฟอยู่หน้าทางเข้าวัดนี่เอง ที่นี่คือประเทศเวียดนาม ร้านไหนร้านนั้นกาแฟเยี่ยมทุกร้าน
เราออกจากร้านกาแฟในเวลาเย็น พระอาทิตย์เตรียมจะลับขอบฟ้า เพื่อมุ่งหน้าไปร้านอาหารอิตาเลียนที่มีรีวิวอันยอดเยี่ยมร้านหนึ่งที่อยู่ในเมือง และสิ่งที่เราไม่คาดคิดมาก่อนเลยก็คือ เมื่อแสงเริ่มหายไปเรื่อยๆ อุณหภูมิก็ลดลงไปเรื่อยๆ เราออกจากวัดมาที่ยี่สิบกว่าองศาต้นๆ ขี่มาครึ่งทาง เหลือ 19 องศา
เมื่อเรามาถึงร้านอาหารในเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว อุณหภูมิที่เมืองด่าหลัตก็เหลือเพียง 18 องศา
ร้านอาหารตกแต่งสวยงาม อยู่ในตรอกเล็กๆที่มีความชันระดับสูง ต้องใช้ทักษะอย่างมากที่จะเอามอเตอร์ไซด์ขึ้นไปจอด แสงสว่างจากร้านค้าและไฟถนนสาดส่องให้อารมณ์เมืองที่แตกต่างไปจากเมื่อตอนบ่าย
ทั้งหมดรวมกันเข้าให้บรรยากาศเหมือนในยุโรปทีเดียว
อาหารดีดนตรีเพราะ เหมือนที่สุวรรณภูมิ...ขออภัย
อาหารดีเยี่ยม สปาเก็ตตี้ ชนิดอยู่เพื่อกินอย่างแน่นอน บรรยากาศในร้านตกแต่งได้ไม่แพ้ร้านในสุขุมวิทหรือนิมมาน เจ้าของร้านเป็นฝรั่ง ไม่แน่ใจว่าเป็นฝรั่งเศส เพราะเวียดนามเคยเป็นเมืองขึ้นของฝรั่งเศส หรือ เป็นคนอิตาลี เพราะนี่เป็นร้านอาหารอิตาลี
เรามีเวลาน้อยมากในเมืองด่าหลัดนี้ พรุ่งนี้จะต้องเดินทางต่อ เป็นเมืองที่สวยงามที่ผมกับนัยได้สัญญากับตัวเองไว้ว่าจะมาใช้เวลาที่นี่ แบบ slow life กันอีกครั้ง และหลังจากที่ลงอินสตาแกรม ก็มี ผู้รักการขับขี่มอเตอร์ไซด์ท้องถิ่น เข้ามาคอมเมนท์ ซึ่งทำให้เราหลงรักเมืองนี้มากขึ้นไปอีก
“there is no traffic light in Da Lat. It’s such a wonderful place to live slow and ride every single day”
“ในด่าหลัตไม่มีไฟแดง มันเป็นที่ที่วิเศษมากที่จะใช้ชีวิตอย่างช้าๆ และขี่มอเตอร์ไซด์ทุกวัน”
ถ้าไปเที่ยวยุโรป คงต้องเผชิญกับหลายๆปัญหา เช่น กฎระเบียบการขี่มอเตอร์ไซด์ที่ยุ่งยากมาก เมืองที่สวยงามกับการจราจรที่ไม่สวยงาม ค่าใช้จ่ายมหาโหด ความปลอดภัยของทรัพย์สินส่วนตัวระบบเผลอเป็นหาย เดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ แต่ใน ด่าหลัต...สภาพแวดล้อมแบบยุโรป อากาศแบบยุโรป ความปลอดภัยแบบลืมอะไรไว้ อีกวันก็มีคนเก็บไว้ให้ อาหารอิตาเลียนชั้นยอด และแน่นอน เดินทางด้วยเครื่องมือทางจิตวิญญานของเราเอง
กินอยู่อย่าแมวในยุโรป หรือจะอย่างเสือในด่าหลัต...บิลออกมาสามแสนเก้าหมื่นห้าพัน เราจ่ายไปสี่แสนเพิ่มทิปให้อีกสองหมื่น แล้วลงไปขี่ดูคาตี้สีเหลืองงดงาม ส่งเสียงอันธพาลน่าฟัง ผ่านอุณหภูมิสิบแปดองศา ในเมืองสโลว์ไลฟ์ กลับสู่ที่พักของเรา
คืนนั้น ... เจ้าดูคาตี้จอดสงบ พักผ่อนอยู่ใต้โรงแรมสี่ดาว เจ้านายของมันนอนหลับสบายอยู่ในเตียงนุ่มผ้าห่มหนา
นอนอบอุ่นอย่างเสือ...ที่ด่าหลัต
สำนักพิมพ์มอเตอร์ไซค์สีแดง - สั่งซื้อหนังสือง่ายๆ สบายใจ
Red Motorcycle Publishing House - Buy English Book
© Copyright Red Motorcycle Publishing House Company limited, 2021. All rights reserved.
สงวนลิขสิทธ์โดย บริษัท สำนักพิมพ์มอเตอร์ไซค์สีแดง จำกัด